จำได้กันมั้ยเอ่ยว่าละครเวทีเด็กต้องคำสาปเค้ามีเล่นในเอเชียด้วย คือที่ Tokyo ประเทศญี่ปุ่น สารภาพว่า เราลืมค่ะ 😂 พอดีจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกันอยู่แล้วเพราะจะไป The Making of Harry Potter หรือ สตูดิโอทัวร์อันใหม่ที่โตเกียวค่ะ ก่อนไปอาทิตย์นึงเพิ่งนึกได้ว่ามันมี แล้วทำไมฉันจะไม่ดู ก็เลยกดจองตั๋วทันทีเลยค่า ต้องบอกไว้ก่อนนะ ว่าที่นี่ใช้นักแสดงเป็นคนญี่ปุ่น และพูดภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด แต่เค้าจะมีแว่นซับไตเติ้ลให้เรายืมค่า
วิธีจองตั๋ว
มี 2 วิธี คือ Klook และ ซื้อจากเว็บตรงของโรงละคร
- Klook
- สำหรับใครที่ยังไม่มี account Klook สามารถสมัครผ่าน link แนะนำเพื่อนเพื่อรับส่วนลด 200 บาทได้ค่า ส่วนใครมีแล้วให้ข้ามไปข้อถัดไปเลย
- กดเสิร์ช Harry Potter and the Cursed Child
- เลือกรอบและวันที่เราต้องการ แล้วกดจองตั๋วได้เลยค่า แต่ว่าการจองผ่าน Klook เนี่ย จะมีข้อเสียอย่างนึงคือเราจะต้อง สุ่มที่นั่ง คือเราเลือกได้แค่ระดับคลาสของที่นั่ง แต่เลือกที่ไม่ได้ค่ะ ซึ่งจะแลกมาด้วยการที่เราสามารถยืมเครื่องแปลภาษาได้ กดส่วนลดต่างๆ ได้แทน
- พอชำระเงินค่าตั๋วเสร็จแล้ว ก็กลับไปที่หน้า Harry Potter and the Cursed Child นี้เหมือนตอนแรกค่ะ เลื่อนลงมาด้านล่างจนเจอ สิ่งที่ควรทราบ จะมี link ให้เรากรอกขอยืมเครื่องแปลภาษา (ขอไม่ลงลิงก์อันนี้ แต่ใครหาไม่เจอทักมาได้ค่ะ) เราเลือกเป็นแบบแว่นตา ค่อนข้างหนักสำหรับการใส่ดู เดี๋ยวจะลงหน้าตาเอาไว้ให้ด้านล่า ใส่นานๆ แอบปวดจมูก บ้างช่วงไม่มีคนพูดก็ขอถอดหน่อย แต่โดยรวมมันดีค่า ดูไปเข้าใจไป จริงๆ อยากลองจองเครื่อง telephone ไม่รู้มันจะเป็นยังไงเหมือนกันค่ะ รอบหน้าอาจจะไปลองใหม่
- ซื้อจากเว็บตรงของโรงละคร
- เว็บตรงของโรงละครจะมี 2 เว็บค่ะ ตัวที่มีภาษาอังกฤษคือ Heripro Stage พอเข้าไปแล้ว เราก็เลื่อนลงมาแล้วเลือกเช็ครอบการแสดง ตามกล่องสีแดงของรูปแรกเลยค่ะ
- กดเข้ามาล้วจะเป็นหน้า Ticket reservation/purchase เราก็จะเลือกตรงมุมด้านขวา Ticket purchase reservation แล้วจะปรากฏให้เราเลือก English ตามรูปที่ 2 และ 3
- จากนั้นก็จะมีให้เลือกอีกครั้ง ถ้าใครซื้อบัตรไว้แล้วอยากมาดูรายละเอียดก็ให้เลือก Purshase history ค่ะ แต่สำหรับซื้อบัตรก็ Reservation/Purchase เลย
- แล้วก็จะให้เลือกช่วงเดือนที่เราต้องการค่ะ แล้วพอได้เดือนก็ไปเลือกวันต่อ ในหน้านี้จะมีสัญลักษณ์ปริมาณที่ว่างบอกเราด้วยค่ะ
- พอเราเลือกวันที่แล้วก็จะมาเลือกโซนที่นั่งกันค่ะ จะเห็นเลยว่า 9 3/4 คือเต็มแล้ว ใครอยากได้โซนนี้ต้องจองตั้งแต่เปิดขายบัตรของช่วงเวลาเลย
- พอเลือกโซนที่นั่งแล้วก็จะเลือก จำนวนที่ แล้วกด Reserve by seat ค่ะ เราจะได้เลือกที่นั่งเอง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการสุ่มที่นั่งมาให้นะคะ
- แล้วจากนั้นก็จัดการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้เลยค่า สุดท้าย
ase
ที่นั่ง
ที่นั่งมี 2 แบบคือแบบธรรมกากับแบบพิเศษ ที่จะเรียกว่า 9 ¾ ซึ่งจะเป็นแถวที่นั่งที่ดีที่สุดของโรงละคร อยู่บริเวณกลางและไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป แต่มีแถวเดียว จองได้แค่ในเว็บของโรงละคร ตรงนี้เหมือนจะได้ตั๋วสะสมเป็นลายตั๋วรถไฟและได้เข้าประตูพิเศษ ไม่ต้องต่อแถวค่ะ ส่วนตัวมองว่าไม่คุ้มเท่าไหร่ ได้เบเนฟิตไม่ว้าว ขอผ่านนน
เราเลือกโซน S Plus ไป ราคาคนละ 4,000 บาท เป็นโซนหน้าๆ เลยค่ะ เพราะว่าอยากดูใกล้ๆ แต่ว่าตรงนี้จะเป็นฝั่งข้างนะคะ ไม่ใช่ตรงกลาง แต่ส่วนตัวว่างก็ไม่ได้รู้สึกบังอะไรค่ะ อาจจะเพราะว่าเวทีไม่ได้ทำฉากกั้นเยอะ
ส่วนใครนั่งรถเข็น โรงละครมีที่นั่งสำหรับวิลแชร์นะคะ
ภายในโรงละคร
ละครเวทีใช้เวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที มี 2 พาร์ท ตอนเบรกสามารถออกมาเข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน หรือซื้อของที่ระลึกได้
อาหารที่ขายจะเป็น snacks นะคะ Hot Dog. Shepherd’s Pie เครื่องดื่ม อะไรประมาณนี้ ทานคนเดียวอิ่มอยู่ค่ะ เราทานพาย อร่อยมาก
ในโรงละครจะมีขายสินค้าที่จำหน่ายเฉพาะที่นี่ด้วยคือ ผ้าพันคอ (ลายไม่เหมือนที่สวนสนุกหรือสตู) ไม้กายสิทธิ์กล่องเด็กต้องคำสาป อื่นๆ ใดๆ ซึ่งความพิเศษเนี่ย มันจะมีของที่ตอนแรกจะไม่อยู่ในเมนูนะ แต่จะขายตอนหลังจบพาร์ท 1 คือพวกสินค้าลายจอมมาร ซึ่งเวลามันบอกว่าไม่มีขายที่อื่นเนี่ย มันก็เรียกเงินจากเราได้เสมอไง เราเลยซื้อแก้วจอมมารและผ้าพันคอกลับมา แล้วเพิ่งรู้ว่าแก้วอันนี้เวลาโดนความร้อนมันจะมีลายด้วย เหมือนฉากในละครเลยกรี๊ด ตื่นเต้น ซื้อเลยค่ะ!
ความรู้สึกกับละครเวที
ทางโรงละครแจ้งว่าเราไม่สามารถถ่ายรูปหรืออัดวีดีโอมาได้ เราเลยไม่ถ่ายมาเลยค่ะ แม้แต่ตอน Curtain Call เพราะฉันคุยภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องด้วย แต่ถ้าเป็นที่อื่นตอน Curtain Call เค้าจะให้เราถ่ายภาพได้นะคะ เพื่อนๆ คนไหนไปดูก็รักษากฎระเบียบกันด้วยน๊า ส่วนภาพที่ถ่ายตอนยังไม่แสดงเราถามสต๊าฟแล้วเค้าไม่ว่า ก็เลยเอามาให้ดูค่า
พูดถึงความรู้สึกที่ได้ดูละครเวที ขอออกตัวก่อนสำหรับเราที่อ่านแบบเล่มมาก่อน รู้สึกว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างแปร่งไปจากเนื้อเรื่องเดิมในแง่เนื้อหาเราก็ไม่ได้รู้สึกชอบขนาดนั้น แต่ในแง่ของคนชอบละครเวทีและติ่งแฮร์รี่ก็ต้องซักรอบมั้ยล่ะ ไหนๆ มีโอกาสแล้วก็ขอลองหน่อย แล้วกับประเทศที่ให้คุณค่ากับงานศิลปะอย่างญี่ปุ่น เราก็ไว้ใจว่าละครเวทียิ่งใหญ่ไม่แพ้ Broadway เลยทีเดียว
พอไปดูแล้วก็บอกเลยว่าประทับใจมากกก production ตื่นตาตื่นใจจริงๆ มีผู้คุมวิญญาณลอยอยู่กลางโรงละคร ยิงไฟขึ้นกำแพงรอบโรงละครเหมือนเราอยู่ในห้องบนเวทีด้วย ไหนจะเวทีที่จะเปิดฝาขึ้นมาแล้วกระโดดลงไปเป็นน้ำได้อีก และสิ่งที่ว้าวที่สุดคือการที่ ทั้งเรื่องเวลาเปลี่ยนฉากคือไม่มีไฟปิดไฟเปิดเหมือนที่ไทย แต่จะไหลฉากไปเรื่อยๆ ว้าวม๊ากกก ใครยังไม่เคยดูเราก็ยังแนะนำให้ไปดูนะคะ ราคาบัตรที่ญีปุ่นไม่แพงเลยถ้าเทียบกับฝั่งยุโรปหรืออเมริกา
นักแสดงก็น่ารักค่ะ ส่วนตัวคิดว่าละครเวทีแต่ละนักแสดงก็จะไม่ได้เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะแล้วแต่คนจะดีไซน์การแสดงออกมา (ภายใต้การกำกับของผู้กำกับ) ดังนั้นการแสดงในแต่ละประเทศก็อาจจะมีจุดที่ไม่เหมือนกันบ้างค่ะ แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร อาจจะเป็นลักษณะและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศด้วย อย่างฉากที่เราเจอคือการขึ้นไดนามิกทางอารมณ์ของตัวละคร แล้วก็การแสดงออกทางความไม่พอใจของแฮร์รี่ที่จะใช้การตะโกนออกมาแบบในซีรีส์ญี่ปุ่น (ดูแล้ว ญี่ปู๊นญี่ปุ่น) ในขณะที่ของประเทศอื่นจะใช้การแสดงแบบเคร่งขรึมดุดันแทน
สุดท้ายนี้ ถ้าใครสนใจยังไงก็อยากให้ลองไปดูกันนะคะ เราเองก็อยากดูเรื่องอื่นเพิ่มเหมือนกัน